ชนิดของวัชพืช
ชนิดของวัชพืช
ก่อนที่จะกล่าวถึงแนวทางหรือวิธีการในการป้องกันจำจัดวัชพืชเราควรทำความเข้าใจเสียก่อนว่า วัชพืชคืออะไร ตากปกติคำนิยามที่ใช้อยู่ในทางเกษตรก็คือ พืชที่ขึ้นผิดที่ พืชที่ขึ้นอยู่ในที่ที่คนไม่ต้องการ พืชที่ยังหาประโยชน์ไม่พบ หรือพืชซึ่งมีผลกระทบต่อกิจกรรมหรือความต้องการของคน อย่างไรก็ตามคำนิยามเหล่านี้ก็ยังมีข้อจำกัด Sagar (1968) ให้คำนิยามว่า วัชพืชคือพืชอะไรก็ได้ซึ่งถ้ายอมให้ขึ้นอยู่ในระบบแล้วจะทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งดูแล้วก็น่าจะเป็นคำนิยามที่เหมาะสมที่สุด
จากความหมายเหล่านี้พืชแต่ละชนิดมีโอกาสกลายเป็นวัชพืชได้เป็นต้นว่า ข้าวที่งอกอยู่ในแปลงถั่วเหลืองก็ถูกจัดเป็นวัชพืชได้ หรือหญ้าแพรก (Cynodon dactylon) ที่ขึ้นอยู่ในนาข้าวก็เป็นวัชพืช แต่ถ้าปลูกเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ก็ไม่เป็นวัชพืช เพราะฉะนั้นพืชของคนคนหนึ่งอาจเป็นวัชพืชของอีกคนหนึ่งได้ ในจำนวนพืชที่มีเมล็ดทั้งหมดประมาณ 250,000 ชนิด มีอยู่เพียง 250 ชนิดหรือประมาณ 0.1 เปอร์เซ็นต์ที่จัดเป็นวัชพืชสำคัญในพื้นที่ที่ทำการเกษตร และที่จัดเป็นวัชพืชร้ายแรงจริงๆ มีอยู่เพียง 25 ชนิด หรือประมาณ 0.01 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น (Ross and Lembi, 1985)
การจำแนกชนิดของวัชพืช ( weed classification )
1. จำแนกตามวงจรชีวิต ( life cycle )จะบอกให้ทราบถึงความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการจัดการต่างๆ ในระบบการปลูกพืช โดยแบ่งออกเป็น
1.1 วัชพืชฤดูเดียว/ปีเดียว/ล้มลุก ( annual weeds ) มีอายุเพียงฤดูเดียวหรือปีเดียว ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด หลังจากงอก ออกดอก ผลิตเมล็ดแล้วก็ตาย เช่น
- ประเภทใบแคบ ได้แก่ หญ้านกสีชมพู หญ้าตีนนก หญ้าตีนกา และหญ้าดอกขาว เป็นต้น
- ประเภทใบกว้างได้แก่ ผักยาง ผักโขม ปอวัชพืช ผักเบี้ยหิน สาบแร้งสาบกา ผักคราดหัวแหวน หญ้ากำมะหยี่ เทียนนา และกะเม็ง เป็นต้น
1.2 วัชพืช ข้ามปี/หลายฤดู ( perenial weeds )มีอายุมากกว่า 2 ฤดู สามารถสร้างส่วนขยายพันธุ์แบบไม่ใช้เพศได้อีกนอกเหนือจากการผลิตเมล็ดตามปกติ เช่น
- ประเภทใบแคบ เช่น หญ้าแพรก หญ้าตีนติด และหญ้าชันกาด เป็นต้น
- ประเภทใบกว้าง เช่น ไมยราบเครือ สาบเสือ และตดหมูตดหมา เป็นต้น
- ประเภทกก เช่น แห้วหมู และกกดอกตุ้ม
2. จำแนกตามสันฐานวิทยา
2.1 ใบแคบ ( narrowleaf weeds )
หมายถึง วัชพืชพวกหญ้า (grasses) ในตระกูล Gramineae (Poaceae) และกก (sedges) ในตระกูล Cyperaceae หรือวัชพืชในตระกูลอื่นๆ ซึ่งมีแผ่นใบบาง แคบ เรียว ยาว และเส้นใบขนานกับเส้นกลางใบ เช่น
– หญ้าข้าวนก ( Echinochloa crus-galli )
– หญ้าตีนกา ( Eleusuine indica )
2.2 ใบกว้าง ( broadleaf weeds )
หมายถึง วัชพืชในตระกูลอื่นๆ ทั้งพวกใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่ สังเกตจากใบเมื่อแผ่เต็มที่จะกว้าง และมีเส้นใบแบบร่างแห เช่น ผักโขมหนาม ( Amaranthus spinosus ) ขาเขียด ( Monochoria vaginlis )
3. จำแนกตามนิเวศวิทยา
3.1 วัชพืชบก ( terrestrial weeds )
หมายถึง วัชพืชที่ขึ้นอยู่บนพื้นดิน พบอยู่โดยทั่วไปในพื้นที่ทำการเกษตร ที่รกร้างริมถนน ที่ว่างระหว่างอาคารบ้านเรือน เช่น ไมยราบ (Mimosa pudica ) สาบแร้งสาบกา ( Agertum conyzoides )
3.2 วัชพืชน้ำ ( aquatic weeds )
หมายถึง วัชพืชที่มีลำต้น หรือส่วนของลำต้นเจริญเติบโตอยู่ในน้ำ วัชพืชพวกนี้มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำต่างๆ แบ่งออกได้ 4 กลุ่ม ( สุชาดา , 2530) คือ
ก. วัชพืชลอยน้ำ (floating weeds) ส่วนของลำต้นจะลอยอยู่ตามผิวน้ำ รากอาจหยั่งลึกลงถึงดินใต้น้ำก็ได้ถ้าหากขึ้นอยู่บริเวณน้ำตื้นๆ เช่น ผักตบชวา (Eichhornia crassipes) จอก (Pistia stratiotes)
ข. วัชพืชใต้น้ำ ( submerged weeds ) เป็นพวกที่มีลำต้นเจริญอยู่ใต้น้ำหรือทอดไปตามผิวน้ำ เช่น ดีปลีน้ำ (Potamogeton malaianus) สาหร่ายหางกระรอก (Hydrilla verticillata)
ค. วัชพืชโผล่เหนือน้ำ (emerged weeds) ชอบขึ้นอยู่บริเวณน้ำตื้น รากหยั่งลงดินส่งใบและลำต้นโผล่พ้นน้ำ เช่น ธูปฤาษี ( Typha angustifolia ) เทียนนา ( Jussiaea linifolia )
ง. วัชพืชชายน้ำ ( marginal weeds ) ชอบขึ้นอยู่บริเวณชายน้ำ หรือริมตลิ่ง เช่น ลำเอียก (Coix aquatica ) เอื้องเพ็ดม้า ( Poltgonum tomentosum )
3.3 วัชพืชอาศัยพืชอื่น ( parasitic weeds )
หมายถึง วัชพืชที่มีรากหรือ haustoria แทงเข้าไปดูดน้ำเลี้ยงและอาหารจากพืชที่มันอาศัยอยู่ เช่น หญ้าแม่มด ( Striga asiarica ) กาฝากมะม่วง ( Dendrohthoe pentandra )
3.4 วัชพืชอากาศ ( epiphytes weeds )
เช่น moss, fern, lichen
4. จำแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์
Plart kingdom
Phylum
Class
Order
Family
Genus
Species
Varieties
วัชพืช แต่ละชนิดจะมีชื่อวิทยาศาสตร์เพียงชื่อเดียว แต่อาจมีชื่อสามัญ (common name) มากมายหลายชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เพื่อป้องกันความสับสนในการเรียกชื่อจึงใช้ชื่อวิทยาศาสตร์เป็นหลักในการ ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ชื่อวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มาจากภาษากรีก หรือลาติน ประกอบด้วย 2 พยางค์ พยางค์แรกเป็นชื่อ genus ตามด้วยชื่อ species ตามระบบของการตั้งชื่อที่เรียกว่า “ binomial system ”
5. จำแนกตามลักษณะทางสรีรวิทยา
แบ่งออกเป็น
5.1 วัชพืช C3 หมาย ถึง วัชพืชที่มีการสังเคราะห์ด้วยแสงผ่าน Calvin-Benson cycle ได้สารประกอบเสถียรตัวแรก คือ phosphoglyceric acid ซึ่งมีคาร์บอน 3 ตัว วัชพืชพวกนี้ ได้แก่ สองหาง (Bidens pilosa) ไมยราบ (M. pudica)
5.2 วัชพืช C4 หมายถึง วัชพืชที่มีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงแล้วได้สารประกอบเสถียรตัวแรกมีคาร์บอน 4 ตัว (malic acid) วัชพืชพวกนี้มีประสิทธิภาพในการสังเคราะห์ด้วยแสงสูงกว่าพวกแรก เช่น ผักโขม (Amaranthus sp.) แห้วหมู (C. rotundus) หญ้าตีนนก (Digitaria sp.)
5.3 วัชพืชพวก CAM วัชพืชพวกนี้มีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงทั้งแบบ C4 และ C3 โดยปากใบจะเปิดรับก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์เฉพาะเวลากลางคืน ส่วนกลางวันปากใบจะปิด วัชพืชพวกนี้ไม่ค่อยมีความสำคัญในพื้นที่ทำการเกษตรทั่วๆ ไป ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในเขตแห้งแล้ง เช่น กระบองเพชร ( Opuntia sp.)
6. จำแนกตามสภาพการงอก
6.1 Hydrophytes เป็นวัชพืชงอกใต้น้ำหรือในน้ำ เช่น วัชพืชในนาข้าว ; ผักปอด , ขาเขียด , กกขนาก
6.2 Hygrophytes เป็นวัชพืชงอกในดินแฉะ (ที่มีความชื้น 70-80%) เช่น หญ้านกสีชมพู , หนวดปลาดุก , กกทราย
6.3 Mesophytes เป็นวัชพืชงอกในดินชื้น (ที่มีความชื้น 40-60%) เช่น ผักเบี้ยใหญ่ , ผักโขม , หญ้าตีนนก
ที่มา l3nr.org